Blogs

บทความ

อาหารบำรุงน้ำเหลือง

ต่อมน้ำเหลือง ระบบน้ำเหลืองคืออะไร ระบบน้ำเหลือง ภาษาอังกฤษเรียกว่า (Lymphatic system) คือ ส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อันประกอบไปด้วยต่อมน้ำเหลือง เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ที่มีอยู่มากในต่อมน้ำเหลือง หลอดน้ำเหลืองที่เชื่อมต่อระหว่างต่อมน้ำเหลืองแต่ละต่อม และอวัยวะอื่น ๆ ได้แก่ ต่อมทอนซิล ต่อมไทมัส และม้าม ซึ่งทั้งหมดนี้คือระบบน้ำเหลืองในร่างกาย ที่คอยทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม รวมไปถึงต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เมื่อหลุดเข้าสู่ร่างกาย ทั้งนี้ระบบทางเดินน้ำเหลืองจะพบได้ทั่วร่างกาย ยกเว้นส่วนสมองและไขสันหลัง เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังคอยทำหน้าที่แทนระบบน้ำเหลือง น้ำเหลืองไม่ดี มีจริงไหม ภาวะน้ำเหลืองไม่ดีไม่มีอยู่จริงในวงการแพทย์นะคะ เพราะจริง ๆ แล้วเป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง (Impetigo) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคที่เรียที่ชื่อว่า Staphylococcus aureus และ Streptococcus pyogenes ที่เราอาจได้รับเชื้อมาจากแมลงสัตว์กัดต่อย หรือไปติดมาจากพงหญ้า สนามหน้าบ้าน บ่อน้ำ หรือโคลนตมตรงไหนก็ตาม แล้วเกิดการติดเชื้อ ทำใ้ห้เวลาเป็นแผลก็จะเป็นนาน หายช้า แผลดูลุกลามเกินจริง เช่น บางคนแค่โดนยุงกัดก็เป็นรอยแดง ๆ ใหญ่ ๆ ไปทั่ว […]

อาหารบำรุงน้ำเหลือง Read More »

6 อาหารบำรุงน้ำเหลือง

ระบบน้ำเหลืองไม่ดี แนะนำ 6 อาหารบำรุงน้ำเหลือง ตามนี้เลย! ถือเป็นอาหารที่กินแล้วดีต่อระบบน้ำเหลืองสุดๆ ซึ่งนอกไปจากน้ำเหลืองแล้วก็ยังดีต่อระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย อาหารบำรุงน้ำเหลือง 1. ผักใบเขียว ผักใบเขียว ไม่ว่าจะเป็น ผักเคล บรอกโคลี ปวยเล้ง ผักกาดเขียวปลี แดนดิไลออน ล้วนแล้วแต่ดีต่อการกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง พร้อมช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังช่วยเร่งการกำจัดน้ำส่วนเกินได้อีกด้วย นอกจากนั้นเหล่าผักใบเขียวก็ยังอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) สารอาหารที่มีส่วนช่วยล้างสารพิษในร่างกาย พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง เพิ่มการไหลเวียนออกซิเจนในร่างกาย และยังช่วยรักษาภาวะโลหิตจางและธาลัสซีเมียได้อีกด้วย 2. แครนเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่ดีต่อระบบน้ำเหลือง อีกทั้งยังมีน้ำตาลน้อย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ถือเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยขับปัสสาวะตามธรรมชาติ ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เสริมสร้างการทำงานของไตและลำไส้ นอกจากนั้นก็ยังช่วยกระตุ้นการสลายไขมันได้อีกด้วย 3. เมล็ดเจีย เมล็ดเจีย เป็นแหล่งของไฟเบอร์ โปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยกรดไขมันโอเมก้า 3 จะเข้ามาช่วยลดอาการอักเสบ ส่วนไฟเบอร์ก็ดีต่อลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งเมล็ดเจียก็ยังมีส่วนช่วยส่งเสริมการระบายน้ำเหลือง ช่วยปรับปรุงระบบน้ำเหลือง และยังทำให้ลำไส้แข็งแรงอีกด้วย 4. ขิง ขิง มีส่วนช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ดีต่อการย่อยอาหาร

6 อาหารบำรุงน้ำเหลือง Read More »

9 สิ่งต้องรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ภัยร้ายใกล้ตัว

มะเร็งสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะพบในอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และมีแนวโน้มที่จะพบในผู้ที่มีอายุน้อยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยภายในร่างกาย เช่น พันธุกรรม และภายนอกร่างกาย เช่น สิ่งแวดล้อม สารเคมี อาหารต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบ และเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยทั่วไปโรคมะเร็งนั้นมักไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่จำเพาะ ขึ้นอยู่กับว่ามะเร็งเกิดขึ้นที่อวัยวะใด ถ้าเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งมักเป็นอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ และเรื้อรัง ดังนั้นเมื่อมีอาการผิดปกตินานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ จึงควรรีบพบแพทย์ เพราะหากสามารถทำการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างทันท่วงที พบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยสามารถหายขาดจากโรคได้ 1. มะเร็งคืออะไร โรคมะเร็ง คือ เซลล์ที่ผิดปกติในร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม และเซลล์เหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติโดยที่ร่างกายควบคุมไม่ได้ เราจะสังเกตได้จากการที่มีก้อนเนื้อเกิดขึ้นในอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้เซลล์มะเร็งมีคุณสมบัติที่สามารถแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นทั่วร่างกายที่ไม่ใช่อวัยวะต้นกำเนิดได้อีกด้วย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด 2. โรคมะเร็งคือสาเหตุการตายอันดับ 1 สำหรับในประเทศไทย โรคมะเร็งคือสาเหตุการตายอันดับ 1 ติดต่อกันหลายปี โดยจากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงานสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 2562 พบว่าคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 230 คน

9 สิ่งต้องรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ภัยร้ายใกล้ตัว Read More »

มารู้จักกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองคืออะไร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ Lymphoma เป็นเนื้องอกมะเร็งของอวัยวะระบบน้ำเหลือง โดยเฉพาะ ต่อมน้ำเหลือง ม้าม หรืออื่นๆที่มีเซลล์ของระบบน้ำเหลือง เช่นตามอวัยวะต่างๆ หรือไขกระดูก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีสาเหตุจากอะไร ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นจากการติดเชื้อ HIV การทานยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน การปลูกถ่ายอวัยวะ การติดเชื้อบางชนิด เช่นการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบ สิ่งแวดล้อมบางอย่างก็เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่นการได้รับสารเคมีติดต่อกันนานๆ หรือ อยู่ในบริเวณที่มีธาตุกัมมันตรังสี มีอาการอย่างไร อาการหลัก คือการมีต่อมน้ำเหลืองโตขึ้น ซึ่งตำแหน่งของต่อมน้ำเหลืองที่โต จะเป็นตำแหน่งไหนก็ได้ ที่พบได้บ่อยที่สุดคือต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ ตำแหน่งอื่นๆได้แก่รักแร้ ข้อพับ หรือบริเวณอื่นๆที่ไม่สามารถคลำได้ วินิจฉัยอย่างไร ใช้การซักประวัติ อาการ ตรวจร่างกาย หากน่าสงสัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การวินิจฉัยมาตรฐานคือ การตัดชิ้นเนื้อมาตรวจทางพยาธิวิทยาและภูมิคุ้มกันวิทยา รักษาอย่างไร มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นกลุ่มโรค ซึ่งมีโรคย่อยๆกว่า 30 ชนิด ซึ่งบางชนิดก็รักษาแตกต่างกัน แต่ถ้าพูดง่ายๆ การรักษาหลักๆ คือการให้ยาเคมีบำบัด ในบางชนิดอาจจะให้ร่วมกับยาทางภูมิคุ้มกันหรือการฉายแสง หรือบางชนิดอาจจะมีการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อเพิ่มโอกาสการหายขาดจากโรค

มารู้จักกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง Read More »

อาหาร-เครื่องดื่มที่ควร “เลี่ยง” ถ้าไม่อยากเสี่ยง “ภูมิคุ้มกัน” ลดลง

อาหาร-เครื่องดื่มที่ควร “เลี่ยง” ถ้าไม่อยากเสี่ยง “ภูมิคุ้มกัน” ลดลง ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แบบนี้การที่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรง นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะระบบภูมิคุ้มกันนั้นเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยป้องกันต่อต้านเชื้อโรคไม่ให้ทำร้ายสุขภาพ แต่การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเพียงอย่างเดียวคงจะไม่พอ เพราะอาหารที่ทานเข้าไปก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่สำคัญเหมือนกัน มาดูกันว่าส่วนประกอบ และอาหารที่เราทานเข้าไปนั้น มีอะไรบ้างที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของเราลดลง ส่วนประกอบ และอาหารรูปแบบไหน? ที่ควรเลี่ยง เพื่อไม่ให้ “ภูมิคุ้มกัน” ลดลง น้ำตาลปกติอาหาร-เครื่องดื่มที่รับประทาน มีน้ำตาลแฝงอยู่แล้ว จึงไม่ควรเติมน้ำตาลเข้าไปเพราะจะทำให้ระดับความดันโลหิตสูงขึ้นได้ และยังไปเพิ่มความเสี่ยงการอักเสบของโปรตีน ส่งผลให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรคมีประสิทธิภาพลดลง เกลือเกลือที่อยู่ในอาหาร ขนมกรุบกรอบต่าง ๆ รวมไปถึงอาหารแช่แข็ง และเบเกอรี จะสามารถเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเองได้ ของทอดของทอดทุกชนิดจะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำให้เซลล์เสียหาย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคมีประสิทธิภาพลดลง ทำลายกลไกการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย และส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เครื่องดื่มคาเฟอีนสูงสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในกาแฟ และชา ทำให้ร่างกายตื่นตัว แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงมากเกินไปจะไปรบกวนการนอนหลับ ไปเพิ่มการตอบสนองต่อการอักเสบ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันให้ลดลง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หากดื่มในปริมาณมาก ๆ จะส่งผลต่อการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มความไวต่อการเจ็บป่วย เช่น โรคปอดบวม และปัญหาทางเดินหายใจ เป็นต้น ที่มา : PTT

อาหาร-เครื่องดื่มที่ควร “เลี่ยง” ถ้าไม่อยากเสี่ยง “ภูมิคุ้มกัน” ลดลง Read More »

5 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อร่างกายที่แข็งแรง

ระบบภูมิคุ้มกัน หนึ่งในกลไกการทำงานของร่างกายที่มีหน้าที่ดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อต่างๆ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรค นอกจากนี้ การมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและมีประสิทธิภาพ ยังทำให้รู้สึกชีวิตมีพลัง เกิดความกระปรี้กระเปร่า และแลดูอ่อนเยาว์สดใสอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ด้วย 5 วิธีง่ายๆ ในการชีวิตประจำวัน ดังนี้ 1.หายใจให้เต็มปอด หายใจในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ โดยใช้เวลาขณะท้องว่างสัก 5 นาทีในแต่ละวัน นั่งหรือยืนในท่าที่สบาย หลังตรง หน้ามองตรง วางมือทั้งสองที่หน้าท้องบริเวณกระบังลม ใช้จมูกหายใจเข้า โดยให้ท้องป่องออกจนสุด กลั้นไว้สัก 1-2 วินาทีแล้วหายใจออกให้ท้องแฟบลง ทำอย่างผ่อนคลายแต่ให้รู้สึกถึงการผ่านของอากาศไปช่องอก การเพิ่มลมหายใจเข้าออกให้ยาวขึ้น ปอดจะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ หากคุณรู้สึกเครียด ให้ลองหายใจโดยใช้นิ้วอุดรูจมูกข้างหนึ่งไว้ แล้วหายใจเข้ายาวๆ ด้วยจมูกอีกข้างจนสุดลม สลับการอุดรูจมูกแล้วค่อยเริ่มหายใจออก ทำสลับกันแบบนี้ 10 ครั้ง จะรู้สึกถึงความผ่อนคลาย 2.กินอาหารให้สมดุล การกินอาหารที่มีกรดและด่างมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายพัง ขนมปัง เนื้อสัตว์ ไข่ นม เนย น้ำตาล ช็อกโกแลต รวมถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม กาแฟ และเบียร์ จะมีความเป็นกรดสูงทำให้ไตทำงานหนัก เสี่ยงกระดูกพรุนและโรคหลอดเลือด หันมากินผักใบเขียวที่ให้ความเป็นด่าง ดื่มน้ำมากขึ้น

5 วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อร่างกายที่แข็งแรง Read More »

10 สุดยอดผักต้านมะเร็ง กินทุกวัน ห่างไกลโรคร้าย

ความเครียดและอาหารการกินเป็นส่วนหนึ่งของโรคมะเร็ง เพราะเมื่อร่างกายเครียด คนเราก็มักจะหาของกินอร่อยๆ มาทดแทนการผ่อนคลายความเครียด อาจหาของหวานมารับประทาน เลือกแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น รับประทานอาหารจำพวกแป้งหรือเนื้อสัตว์มากกว่าผักผลไม้ ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ เป็นต้น การรับประทานอาหารจำพวกนี้ในปริมาณที่มากเกินไป จะเกิดการสะสมของสารพิษ เกิดการตกค้างของอาหารในร่างกาย เมื่อสารพิษไม่ได้รับการกำจัดออกไป และยังมีสารพิษใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ก็อาจเป็นสาเหตุให้เราป่วยเป็นโรคร้ายเช่นมะเร็งได้ ในผักผลไม้นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ใครที่ไม่อยากป่วยด้วยโรคร้ายเช่นมะเร็งแล้วล่ะก็ ควรหาวิธีป้องกันก่อนจะเกิดปัญหาน่าเศร้าใจตามมา ซึ่งผักที่แนะนำนี้ก็สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยาก มีคำแนะนำดีๆ แบบนี้แล้ว จะรอช้าอยู่ทำไมตามไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง 1. หัวหอม หัวหอมอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับวิธีการกินหัวหอมเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือการกินหัวหอมดิบ หากปรุงอาหารที่มีหัวหอมโดยใช้ความร้อนสูง จะเป็นการลดคุณประโยชน์ของสารเคมีที่อยู่ในหัวหอมที่ทำหน้าที่ป้องกันมะเร็งปอดและมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเมนูที่ใช้เพื่อป้องกันโรคร้ายอย่างเช่นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากนี้ทำได้ง่ายมากๆ เพียงนำหัวหอมดิบมาสับกับมะเขือเทศ อโวคาโด และพริกขี้หนู สับให้เข้ากันและใส่มันฝรั่งเข้าไปเล็กน้อย ผสมกับพริกไทย เพื่อให้ดีต่อหลอดเลือด คลุกเคล้าให้เข้ากันและในขั้นตอนสุดท้ายก็ราดน้ำมะนาวลงไป เพียงเท่านี้ก็จะได้เมนูที่ดีต่อสุขภาพและห่างไกลโรคร้ายอย่างมะเร็งแล้ว 2. ข้าวโพด ข้าวโพดเป็นอีกหนึ่งแหล่งของสุดยอดสารอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาในวารสารวิชาการเกษตรและเคมีพบว่า ข้าวโพดที่สุกแล้ว จะอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าข้าวโพดดิบหรือข้าวโพดคั่ว สารลูเทนที่อยู่ในข้าวโพดสุกนั้นจะต้านทานโรคตาบอดในผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นการกินข้าวโพดเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือควรนำข้าวโพดมาต้ม เพื่อให้ได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ เพียงนำข้าวโพดมาแกะซังออกล้างให้สะอาด และนำไปต้มในน้ำเดือดใส่เกลือลงไปเล็กน้อย รอเวลาสักประมาณ

10 สุดยอดผักต้านมะเร็ง กินทุกวัน ห่างไกลโรคร้าย Read More »

5 อันดับ มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย

1. มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี โรคมะเร็งตับ เป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ซึ่งพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 3 เท่า ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 30-70 ปี โรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ ซึ่งกว่าจะได้รับการวินิจฉัยก็มักจะอยู่ในท้ายโรคและไม่สามารถรับการรักษาได้ทัน ส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุด มะเร็งตับมีสาเหตุหลักคือ การได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ การดื่มแอลกอฮอล์ รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) การรับยาบางชนิด และพันธุกรรม เป็นต้น โรคมะเร็งท่อน้ำดี พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยพบว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้มาจากการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดแบบดิบ ทำให้ได้รับตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ตับ เกิดการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น บุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งท่อน้ำดี ภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง การสูบบุหรี่ เป็นต้น 2. มะเร็งปอด โรคมะเร็งปอดเป็นโรคที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในผู้ชายไทย พบว่าสาเหตุหลักของโรคมะเร็งปอดมาจากการสูบบุหรี่ หรือรับควันบุหรี่ โดยอาการเริ่มแรกมักมีอาการไอเสมหะหรือไอมีเลือด เจ็บหน้าอก หายใจดังและถี่ ความอยากอาหารลดลง เป็นต้น 3.

5 อันดับ มะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย Read More »

เส้นขีดบนเล็บ อาจเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งผิวหนัง

“สมาคมแพทย์ผิวหนังฯเปิดข้อมูลการเกิดเส้นสีน้ำตาลในเล็บและวิธีการสังเกตแบบไหนอาจเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต้องรีบพบแพทย์” สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความของอ.พญ.ชนิตว์วัณณ์ วิชญชาคร และ ผศ.พญ.แพรมาลา ฉายาวิจิตรศิลป์ ให้ความรู้แก่ประชาชนถึงมะเร็งผิวหนังในเล็บผ่านเพจ ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง โดย สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า จากกระแสที่เป็นข่าวเกี่ยวกับโรคมะเร็งผิวหนังที่เกิดขึ้นในเล็บ ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวล ที่จริงแล้วมะเร็งที่อยู่ใต้เล็บสามารถพบได้ในชาวเอเชียหรือ คนผิวดำแต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่เล็บที่มีแถบสีดำขึ้นมักจะยังไม่ถึงขั้นที่เข้าข่ายเป็นเนื้อร้าย แต่การตรวจดูเล็บเป็นประจำจะสามารถช่วยให้เราไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็วก่อนที่จะมีการลามไปที่อวัยวะอื่น วิธีการตรวจเล็บด้วยตัวเองสามารถยึดหลักง่าย ๆ ดังนี้ แถบหรือเส้นสีน้ำตาลวิ่งตามความยาวของเล็บ: ตรวจดูว่าแถบสีน้ำตาลนั้นคมชัดดีหรือไม่ ถ้าคมชัดดีและมีความกว้างไม่เกิน 6 มม. ถือว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งค่อนข้างต่ำมาก หากแถบสีมีความกว้าง สีไม่สม่ำเสมอ ขอบไม่คมชัด หรือ มีการเปลี่ยนสีและขนาด แนะนำว่าควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเร็วที่สุด เม็ดสีบนจมูกเล็บ: หากสีน้ำตาลหรือดำเลอะขึ้นมาถึงจมูกเล็บ (Hutchinson’s sign) มักเป็นสัญญาณที่ไม่ดี และ ควรไปพบแพทย์ ก้อนเนื้อใต้เล็บ: อาจทำให้เล็บแยกออกจากฐานด้านล่าง ถ้าสังเกตเห็นว่าเล็บมีลักษณะนี้แนะนำว่าควรพบแพทย์เช่นกัน การที่เล็บมีสีผิดปกติสามารถเกิดจากอะไรได้บ้างนอกจากมะเร็งผิวหนัง การที่เล็บมีสีผิดปกติไม่จำเป็นต้องเกิดจากมะเร็งผิวหนังเสมอไป สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เล็บเปลี่ยนสีได้ มีดังนี้ 1. แถบเล็บดำที่เป็นหลาย ๆ นิ้ว อาจเกิดจาก

เส้นขีดบนเล็บ อาจเป็นสัญญาณเตือนมะเร็งผิวหนัง Read More »

ทำงานดึก ชอบคึกไม่ยอมนอน เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้

ปัจจุบันมะเร็งเต้านมได้กลายมาเป็นมะเร็งอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตหญิงไทยไปมากที่สุด และมีแนวโน้มว่าตัวเลขจะทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งงนี้อาจจะด้วยปัจจัยภายนอกและพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป และหนึ่งในนั้นคือพฤติกรรมการนอนดึก หรือการพักผ่อนที่ไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะถ้าทำต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ โดยมีรายงานการวิจัยพบว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมได้ ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีที่ว่า การดูแลร่างกายให้แข็งแรง มีการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ เป็นหนึ่งปัจจัยที่ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม เช่นเดียวกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่เป็นปัจจัยช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายได้ นอกจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอแล้ว ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงอื่นๆ ยังพบว่าผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตร อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้มากกว่าผู้หญิงที่มีบุตรหลายคน และให้นมบุตรนานๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเกิดมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน และพฤติกรรมของผู้หญิงที่มีบุตรน้อยลง ครองตัวโสดกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยร่วมอื่นๆ ถ้วยเช่น กรรมพันธ์ หรือผู้ที่มีญาติใกล้ชิด เช่น แม่ พี่สาวหรือน้องสาว เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ ผู้ที่ได้รับฮอร์โมนวัยทองเป็นระยะเวลานานๆ ผู้ที่มีประจำเดือนเร็ว หรือหมดประจำเดือนช้า ตลอดจนผู้สูงอายุที่มีน้ำหนักตัวและไขมันในร่างกายปริมาณมาก พบว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้น เนื่องจากเซลล์ไขมันในร่างกายมีผลต่อการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง คลำแล้วใช่..อาการมะเร็งเต้านม มะเร็งเต้านมมักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ก็สามารถเป็นได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้แต่ผู้หญิงที่อายุเพียง 18 ปี ก็สามารถเป็นมะเร็งเต้านมได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคน ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของเต้านม เพราะนอกจากการคลำเจอก้อนแข็งที่เต้านมแล้ว อาจพบอาการร่วมอื่นๆ ที่สามารถสังเกตได้ดังนี้ ผิวหนังนูนขึ้นมา ผิวหนังบุ๋ม หัวนมบอด หรือยุบเข้าไป

ทำงานดึก ชอบคึกไม่ยอมนอน เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้ Read More »